ผงปรุงรสจากผักนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลเกี่ยวกับ "ผงปรุงรสจากผัก" 

ต้นกำเนิดและแนวคิด

• ผงปรุงรสจากผักเป็นนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปันสุขออร์แกนิค กรุ๊ป ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี คิดค้นขึ้น โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี

• จุดเริ่มต้นมาจากปัญหาผักหวานป่าล้นตลาด จึงนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยใช้ผักหวานป่าและผักไชยา (คะน้าชายา) ที่ปลูกเองเป็นวัตถุดิบหลัก
  
  

เหตุผลที่เลือกผักหวานป่าและผักไชยา

• ผักไชยา (คะน้าชายา) มีจุดเด่นในเรื่องการชูรสชาติอาหาร มีสรรพคุณเสริมสร้างภูมิต้านทาน ธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงกระดูก

• ผักหวานป่าช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างกระดูก มีแคลเซียมสูง

• ทั้งสองชนิดปลูกแบบปลอดสาร ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก รดน้ำ พรวนดิน และตัดแต่งกิ่ง ผักหวานป่าต้องใช้เวลาปลูกอย่างน้อย 3 ปีจึงจะเก็บยอดได้
  
  

กระบวนการผลิต

1. การเก็บวัตถุดิบ

   • ผักหวานป่า: เก็บได้ตั้งแต่ยอดอ่อนจนถึงยอดแก่ (แต่ไม่แก่เกินไป)

   • ผักไชยา: เลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อน ใบแก่จะขมเกินไป

2. การเตรียมวัตถุดิบ

   • ล้างน้ำ ผึ่งให้แห้ง

   • อบลมร้อนประมาณครึ่งชั่วโมง

   • ขยำให้แตก ใส่เครื่องปั่นให้ละเอียดประมาณ 1 นาที

   • กรองให้ได้ผงที่ละเอียด
     
     

3. การผสมส่วนผสม

   • ผสมกับผงเห็ดหอม ผงกระเทียม ผงผักชี ผงหอมแดง เกลือ น้ำตาล

   • คลุกเคล้าให้เข้ากัน

   • ปั่นอีกรอบเพื่อความละเอียด

   • บรรจุซอง
     
     

คุณสมบัติและจุดเด่นของผลิตภัณฑ์

• กลิ่นหอมเด่นของเห็ดหอม ผักหวานป่า และผักไชยา

• รสชาติออกเค็ม ๆ หวาน ๆ สามารถนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย

• ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีวัตถุกันเสีย เก็บได้นานถึง 3 เดือน

• จำหน่ายซองละ 35 บาท

• ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรักสุขภาพ สั่งซื้อได้ทางเพจ Facebook "บ้านสวนลมโชย" จัดส่งทุกวันอังคาร
  
  

การพัฒนาและการแลกเปลี่ยนความรู้

• กลุ่มมีการแลกเปลี่ยนสูตรและพัฒนาสินค้าร่วมกัน

• มีการสนับสนุนองค์ความรู้จากสำนักงานเกษตรอำเภอ ผลิตตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practice)

• ผลิตภัณฑ์นี้เป็นนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและสร้างรายได้ให้ชุมชน

สรุป
ผงปรุงรสจากผักของกลุ่มปันสุขออร์แกนิค กรุ๊ป เป็นผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการนำผักหวานป่าและผักไชยาปลอดสารมาผ่านกระบวนการอบ ปั่น และผสมกับเครื่องเทศธรรมชาติ เน้นสุขภาพ ไม่มีวัตถุกันเสีย ใช้ปรุงอาหารได้หลากหลาย เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และสร้างรายได้ให้ชุมชน